“เหงียน ธิ ทัต” นักปั่นทีมชาติเวียดนาม แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่กวาดไปทั้งหมด 8 รางวัล ในศึกสองล้อทางไกลนานาชาติ “วีเมนส์ ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2023” สเตจที่ 2 เส้นทางภายใน จ.ระยอง โดยเฉือนชนะ “บีซ” จุฑาธิป มณีพันธุ์ ไปอย่างหวุดหวิดได้แชมป์สเตจไปครอง ผงาดขึ้นรั้งผู้นำเวลารวมได้สวม “เสื้อเหลือง” พร้อมทั้งกวาดรางวัลเจ้าความเร็วประจำสเตจ 2 จุด รางวัลเจ้าภูเขาประจำสเตจ 1 จุด รวมทั้งรางวัลผู้นำคะแนนรวมเจ้าความเร็ว-เจ้าภูเขา-ผู้นำนักปั่นอาเซียนยอดเยี่ยมได้ครองทั้ง “เสื้อเขียว-เสื้อลายจุด-เสื้อม่วง” ด้าน “จอห์น แม็กดอนเนล” หัวหน้าผู้ตัดสินนานาชาติชาวนิวซีแลนด์ ชื่นชมสมาคมกีฬาจักรยานฯ จัดการแข่งขันได้อย่างสมบูรณ์แบบทุกประการ
การแข่งขันจักรยานทางไกลสตรีนานาชาติ “วีเมนส์ ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2023” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 9 เมษายน เป็นการแข่งขันสเตจที่ 2 เส้นทางภายในจังหวัดระยอง เริ่มต้นจากสนามกีฬากลางจังหวัดระยอง แล้วกลับมาเข้าเส้นชัยที่เดิม ระยะทาง 82.20 กิโลเมตรโดยได้รับเกียรติจาก นายสุพจน์ ต่ออาจหาญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขัน พร้อมด้วย “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
นอกจากนี้ ได้รับเกียรติจาก นายกำธร เวหน ปลัดจังหวัดระยอง, นายสุปนันท์ สังข์สุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มงานอำนวยการ สำนักงานจังหวัดระยอง, นายณัฐศักย์ ดีศรี ท้องถิ่นจังหวัดระยอง, นายคีรีวัฒน์ อ้นพร้อม ประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง, พ.ต.อ.วีพงษ์ กงแก้ว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง, น.ส.สายทอง จิตต์สว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดระยอง โดยสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ และยูทูบ ให้ชมตั้งแต่ต้นจนจบการแข่งขัน และเผยแพร่ออกไปทั่วโลก ซึ่งในสเตจที่ 2 มียอดผู้ชมการแข่งขันทางเฟซบุ๊กไลฟ์ มากกว่า 330,000 วิว
นายจอห์น แม็กดอนเนล หัวหน้าผู้ตัดสินนานาชาติชาวนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า การแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2023” ครั้งนี้ นับว่าเป็นการแข่งขันที่ตื่นเต้นและมหัศจรรย์มากในความรู้สึกของตนเอง โดยเฉพาะทีมชายที่มีการชิงชัยกัน 6 สเตจ มีนักปั่นที่ Break away หรือฉีกออกไปจากกลุ่มใหญ่ตลอด และนักกีฬาทำความเร็วสูงมากจนน่าทึ่ง ขณะที่สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ก็จัดการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์แบบมาก ทั้งด้านการวางเส้นทางการแข่งขัน การบริหารจัดการด้านจราจร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดการจราจรได้ดี รวมไปถึงการดูแลนักกีฬาที่ดีเยี่ยมตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าไปจนถึงเข้านอน ทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้เป็นอย่างดี ทำให้การแข่งขันราบรื่นทุกอย่าง
ด้านเกมการแข่งขันในสเตจที่ 2 นักกีฬาเกาะกลุ่มกันมาตั้งแต่ปล่อยตัวจนกระทั่งเข้าเส้นชัย ผลปรากฏว่า เหงียน ธิ ทัต นักปั่นทีมชาติเวียดนาม โชว์ผลงานได้อย่างสุดยอดกวาดรางวัลไปทั้งหมด 8 รางวัล โดยสปรินท์เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกคว้าแชมป์สเตจที่ 2 เฉือนชนะ “ผู้กองบีซ” ร.อ.หญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ นักปั่นสาวทีมอาชีพ ไทยแลนด์ วีเมนส์ ไซคลิง ซึ่งตามมาเป็นอันดับ 2 ไปอย่างฉิวเฉียด และ นา อารึม นักปั่นทีมชาติเกาหลีใต้ ได้อันดับที่ 3 ด้วยเวลา 1.58.48 ชั่วโมงเท่ากัน ขณะที่นักปั่นไทยคนอื่น ๆ ที่ทำผลงานได้ดี ประกอบด้วย “ไก่” ส.อ.หญิง ศุภักษร นันตะนะ จากทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ ได้อันดับที่ 11 และ น.ส.กมลรดา ขาวปลอด นักปั่นทีมชาติไทย ได้อันดับที่ 13 เวลา 1.58.48 ชั่วโมงเท่ากัน
นอกจากนี้ เหงียน ธิ ทัต นักปั่นทีมชาติเวียดนาม ยังกวาดรางวัลเจ้าความเร็วประจำสเตจ หรือ Intermadiate Sprint (IS) ได้ทั้ง 2 จุด คือ IS1 (กม.ที่ 32.8) และ IS2 (กม.ที่ 60.7) รวมทั้งรางวัลเจ้าภูเขาประจำสเตจ หรือ King of the Mountains (KOM) ซึ่งมี 1 จุด KOM1 (กม.ที่ 47.6) โดยมี “แพร” ส.อ.หญิง เพชรดารินทร์ สมราช นักปั่นทีมไทยแลนด์ วีเมนส์ ไซคลิง ได้อันดับที่ 3
สำหรับรางวัลผู้นำเวลารวมตกเป็นของ เหงียน ธิ ทัต นักปั่นทีมชาติเวียดนาม ด้วยเวลา 3.43.46 ชั่วโมง ได้ “เสื้อเหลือง” ไปครอง โดยมี “บีซ” ร.อ.หญิง จุฑาธิป ตามาเป็นอันดับที่ 2 ตามหลังผู้นำ 6 วินาที และอันดับที่ 3 นา อารึม นักปั่นทีมชาติเกาหลีใต้ ตามหลังผู้นำ 18 วินาที, รางวัลผู้นำคะแนนรวมเจ้าความเร็ว เหงียน ธิ ทัต นักปั่นทีมชาติเวียดนาม มี 39 คะแนน ได้ “เสื้อเขียว” ไปครอง
รางวัลคะแนนรวมเจ้าภูเขา เหงียน ธิ ทัต คว้าไปอีกเช่นกัน โดยมี 5 คะแนน ได้ “เสื้อลายจุด” ไปครอง และรางวัลผู้นำนักกีฬาอาเซียนยอดเยี่ยม ก็เป็นของ เหงียน ธิ ทัต เช่นเดียวกัน เวลา 3.43.46ชั่วโมง ได้ “เสื้อม่วง” ไปครองอีก 1 ตัว รวมรางวัลที่ เหงียน ธิ ทัต กวาดไปทั้งหมดในสเตจที่ 2 นี้จำนวน 8 รางวัล ขณะที่ตำแหน่งนักกีฬาบู๊ยอดเยี่ยมประจำสเตจเป็นของ นา อารึม นักปั่นทีมชาติเกาหลีใต้
เวลารวมประเภททีม อันดับ 1 ทีมชาติอินโดนีเซีย, อันดับที่ 2 ทีมชาติเกาหลีใต้ และอันดับที่ 3 ทีมไทยแลนด์ วีเมนส์ ไซคลิง เวลา 11.12.33 ชั่วโมงเท่ากัน ส่วนเวลารวมประเภททีมอาเซียน อันดับ 1 ทีมชาติอินโดนีเซีย, อันดับ 2 ทีมชาติเวียดนาม, อันดับ 3 ทีมไทยแลนด์ วีเมนส์ ไซคลิง เวลา 11.12.33 ชั่วโมงเท่ากัน สำหรับผลการแข่งขันทั้งหมดสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมกีฬาจักรยานฯ www.thaicycling.or.th
หลังการแข่งขัน พลเอกเดชา เปิดเผยว่า ก่อนการแข่งขันในสเตจที่ 2 นี้ ตนได้สอบถามสตาฟฟ์โค้ชว่าวางแผนเอาไว้อย่างไร ซึ่งสตาฟฟ์โค้ชบอกว่าจะให้ทีมอุ้มจุฑาธิปมาสปรินท์หน้าเส้นชัย จึงไม่ได้เก็บคะแนนเจ้าความเร็ว และเจ้าภูเขา เพื่อที่จะเซฟพลังขาเอาไว้ แต่นักปั่นไทยยังไม่แข็งแกร่งพอ มีเพียง ส.อ.หญิง เพชรดารินทร์ สมราช และ ส.ต.หญิง ชนิภรณ์ บัตริยะ ที่ขึ้นมาช่วยจุฑาธิป ขณะที่นักปั่นทีมเกาหลีใต้, เวียดนาม, ไต้หวัน เขาเกาะกลุ่มกันทั้งหมด เกมวันนี้ไม่เหมือนในสเตจแรกที่วางแผนได้ดีกว่า แต่ตนไม่ได้โทษนักกีฬา เพราะคู่แข่งสำคัญอย่าง เหงียน ธิ ทัต เขาไปเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ต่างประเทศ และฝังตัวอยู่กับทีมอาชีพ จากเดิมที่เขาไม่ถนัดปั่นขึ้นเขา แต่วันนี้ เหงียน ธิ ทัต ทำได้ทั้งสปรินท์ และปั่นขึ้นเขา
“เธ.หมึก” กล่าวอีกว่า สำหรับนักปั่นไทยหากภายใน 2 ปีข้างหน้ายังเป็นอย่างนี้ก็คงลำบาก ดังนั้นจะต้องหานักปั่นรุ่นใหม่มาทดแทน อาจจะต้องส่งไปแข่งกับทีมอาชีพในต่างประเทศ ซึ่งจะต้องครบเครื่องทั้งเรื่องสปรินท์ การขึ้นเขา และมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง การแข่งขันยังเหลืออีก 1 สเตจ ตนก็ได้ให้สตาฟฟ์โค้ชไปทำการบ้าน โดยนำข้อบกพร่องในวันนี้ไปแก้ไข สิ่งสำคัญคือทีมเวิร์ค นักปั่นทุกคนในทีมต้องช่วยกันทำหน้าที่ ช่วยกันป้องกันคู่ต่อสู้ ซึ่งจุฑาธิปนั้นมีพรสวรรค์ในการสปรินท์เข้าเส้นชัย แต่เพื่อนร่วมทีมต้องขึ้นมาช่วยด้วย อย่างไรก็ตาม ตนได้บอกนักกีฬาว่าขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนจะได้แชมป์หรือไม่นั้นอยู่ที่จังหวะและโอกาส
สำหรับการแข่งสเตจที่ 3 ในวันที่ 10 เมษายน ซึ่งเป็นสเตจสุดท้าย เส้นทางเริ่มจากหน้าสนามกีฬากลางจังหวัดระยอง ไปเข้าเส้นชัยที่หน้าหอเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำดอกกราย ระยะทาง 89 กิโลเมตร.